เผยโฉม Honda CB400 SUPER FOUR และ SUPER BOL D’OR 2018 ล่าสุด

การสนทนาใน 'News and Articles' เริ่มโดย News, 8 มิถุนายน 2018

By News on 8 มิถุนายน 2018 at 07:12
  1. News

    News Moderator ทีมงานสมาชิก

    ข้อความ:
    565
    Likes Received:
    0
    [​IMG]

    สำหรับโมเดลอย่าง Honda CB400 SUPER FOUR นั้นถือว่าเป็นสุดยอดรถบิ๊กไบค์ในตำนานอย่างแท้จริง โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับประเทศแม่อย่างญี่ปุ่นนั่นเอง โดยล่าสุดได้มีการเตรียมเปิดตัวเวอร์ชั่นใหม่ล่าสุด new color อย่าง candy chromosphere red ในวันที่ 15 มิถุนายนนี้ พ่วงด้วยเพื่อนร่วมรุ่นอย่าง SUPER BOL D’OR ด้วย



    [​IMG]

    ซึ่งจะต้องถือว่าในปี 2018 นี้เป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของ Honda CB400 SUPER FOUR อย่างแท้จริง เพราะได้มีการอัพเดทตัวรถกัน อย่างแรกเลยก็คือในเรื่องของไฟหน้าแบบ LED นั้นจะเป็น LED แบบ 4 x 4 EYES (4 ดวงแบบแยก 2 ดวงด้านบนและ 2 ดวงด้านล่าง) ซึ่งจะเป็นการแยกตำแหน่งไฟสูงและไฟต่ำนั่นเอง โดยแน่นอนว่าระบบไฟแบบนี้นั้นจะถนอมอายุการใช้งานของไฟ LED ได้มากกว่าแบบปกติ รวมไปถึงสร้างรูปแบบการดีไซน์ให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวด้วย ส่วนในเรื่องของสเปคเครื่องยนต์นั้นจะมีขนาด 399.00 cc 4 สูบเรียง 4 จังหวะ ให้แรงม้าอยู่ที่ 52 ตัว ที่ 10,500 รอบ ทอร์ค 38 Nm ที่ 9,500 รอบ กำลังอัดนั้นอยู่ที่ 11.3:1 ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 55.0 x 42.0 mm จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีด PGM-FI อันเป็นเอกลักษณ์ของทางฮอนด้านั่นเอง ขับเคลื่อนด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด คลัทช์เปียก ระบายความร้อนด้วยน้ำ ท่อแบบสเตเลส สตีล


    [​IMG]

    SUPER BOL D’OR

    ในส่วนของช่วงล่างนั้นใช้โช๊คอัพหน้าของ Showa ขนาด 41 mm แบบ เทเลสโคปิก สามารถปรับระยะพรีโหลดได้ ส่วนโช๊คอัพหลังนั้นเป็นแบบ twin remote ของ Showa ที่สามารถปรับระยะพรีโหลดได้เช่นกัน ยางหน้ามีขนาดอยู่ที่ 120/60 และยางหลัง 160/60 ส่วนระบบเบรกนั้นเป็นแบบดิสก์หน้าคู่ของขนาด 285 mm Nissin แบบ ไฮโดรลิกคาลิปเปอร์ 4 ลูก เบรกหลังเป้นแบบดิสก์เดี่ยวขนาด 235 mm แบบไฮโดรลิกคาลิปเปอร์ 1 ลูก ของ Nissin เช่นเดียวกันนั่นเอง และในส่วนของมิติตัวรถนั้นอยู่ที่สูง 1,150 mm กว้าง 2,040 mm ระยะห่างจากพื้นอยู่ที่ 130 mm ฐานล้ออยู่ที่ 1,560 mm ถังน้ำมันจุ 18 ลิตร และน้ำหนักตัวแบบไม่รวมของเหลวจะอยู่ที่ 195 กก. ซึ่งถือว่าหนักดีทีเดียว

    [​IMG]

    ในเบื้องต้นโมเดลทั้ง 2 โมเดลนี้จะยังคงทำตลาดแค่เพียงประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น แต่สำหรับแฟนๆ ไบค์เกอร์ชาวไทยที่สนใจรถทั้งสองโมเดลนี้ ก็อาจจะต้องไปหาเอาตามตลาดเกรย์ซึ่งสามารถจัดสรรให้ได้ เพื่อนำมาตีทะเบียนกันให้ถูกต้องอีกครั้ง ส่วนสนนราคานั้นก็คงจะต้องไปสอบถามกันเอาเอง เชื่อว่ายังมีหลายต่อหลายคนที่หลงไหลในมนต์เสน่ห์ของเจ้า SUPER FOUR คันนี้ที่มีมาตั้งแต่อดีตกาลกันอย่างไม่เสื่อมคลาย

    ขอบคุณภาพจาก autoby.jp young-machine.com

    ที่มา: Greatbiker.com
     

ความคิดเห็น

การสนทนาใน 'News and Articles' เริ่มโดย News, 8 มิถุนายน 2018

แบ่งปันหน้านี้